อาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อยที่ไม่ควรแก้ไขด้วยการนวดและบริเวณจุดอ่อนของศีรษะที่ไม่ควรนวด
อาการปวดศีรษะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยคือปวดศีรษะเนื่องจากความเครียด ซึ่ง เป็นผลจากอารมณ์เครียดวิตกกังวล นอนไม่หลับ ใช้สมองมากใช้สายตามาก ทำงานหนักพักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนเพลียเรียนนวด สาเหตุดังกล่าวทำให้กล้ามเนื้อเกร็งแข็งและเลือดฉีดขึ้นไปเลี้ยงบริเวณศรีษะได้ไม่ดี การนวดจะช่วยคลายการเกร็งของกล้ามเนื้อได้ทำให้อาการปวดศีรษะลดลง หรือหายไป อาการปวดที่ไม่ควรนวดและควรไปพบแพทย์คือ
1.ปวดศีรษะ ร่วมกับมีอาการใดต่อไปนี้ เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง เห็นภาพซ้อน
ตามัวลงเรื่อยๆ รู้ม่านตา 2 ข้างโตไม่เท่ากัน เดินเซ แขนขาอ่อนแรง มีอาเจียนพุ่ง เคยเป็นความดันโลหิตสูง เพราะอาจเป็นโรคทางสมอง เช่น เลือดออกในสมอง เนื้องอกในสมองเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- ปวดศีรษะตรงท้ายทอย และปวดร้าวเสียวชามาที่แขน เพราะรากประสาทคออาจถูกกดทับ
ช่วงบริเวณศีรษะที่ไม่ควรทำการนวด
อวัยวะในร่างกาย เช่น ศีรษะส่วนใหญ่เป็นกระดูกของกะโหลกศีรษะ การนวดตามกระดูกอาจมีผลต่อเยื่อหุ้มกระดูกซึ่งเป็นพังผืดและหนังหุ้มศีรษะซึ่งเต็มไปด้วยหลอดเลือด ส่วนที่ไม่ควรกดหนัก คือ บริเวณที่ทัดดอกไม้ เพราะบริเวณนี้เป็นส่วนที่บางที่สุดของกะโหลกศีรษะ และ อาจทำให้แตกได้ง่าย เพราะเป็นจุดอ่อนถ้าถูกกระทบหรือกระแทกแรงๆ อาจทำให้กระดูกแตกและทิ่มแทงเข้าเนื้อสมองตายทันที บริเวณที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในเด็กที่กระดูกยังต่อไม่เต็มที่ คือ บริเวณกระหม่อม ซึ่ง ตอนคลอดใหม่ๆจะปกคลุมด้วยพังผืดและหนังศีรษะเท่านั้น การเขกศีรษะเด็กหรือกระแทกบริเวณนี้จะกระทบต่อการสะเทือนต่อสมองโดยตรง ทำให้สมองบาดเจ็บ และ พิการได้กลายเป็นเด็กที่หัวทึบ และ มีความผิดปกติของการเคลื่อนไหวในผู้ใหญ่จะไม่มีข้อห้ามที่บริเวณนี้ ในการเรียนนวดนั้นสำหรับรายละเอียดส่วนลึกบริเวณที่ห้ามนวดผู้ที่ประกอบอาชีพด้านนี้โดยตรงควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหรือการนวดให้คนรู้จักหรือคนในครอบครัวโดยที่ไม่รู้ข้อห้ามและข้อระวังในการนวด อาจจะทำให้เกิดอันตรายเกิดขึ้ภายหลังได้ค่ะ ถ้าหากสนใจในการนวดและศึกเพิ่มเติมในรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเทคนิคการนวดเพื่อสุขภาพและข้อห้ามต่างๆในการนวด สามารถศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากโรงเรียนสอนนวดที่เปิดสอน ได้ทั่วไปค่ะ