การนวดแผนไทยเป็นศาสตร์การนวดที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องทั้งคนไทยรวมทั้งชาวต่างชาติด้วย เป็นการนวดโดยใช้เทคนิคการกดกล้ามเนื้อสร้างความยืดหยุ่นผสมผสานเข้ากับการกดจุดประสาทสัมผัสต่างๆ โดยใช้ศอก หัวแม่มือ เข่า ในการ ยืด บิด ไปทั่วร่างกายตามจุดต่างๆ
1. การนวดกระตุ้นที่ลงน้ำหนักมากควรหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะผู้ที่มีความผิดปกติที่มีเลือดเกล็ดเลือดต่ำ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาเกี่ยวกับการรักษาโรคเลือด
2. ไม่ควรนวดบริเวณที่มีพื้นที่ของร่างกายที่มีเลือดอุดตัน เช่นบริเวณแผลเปิดหรือบริเวณที่กำลังรักษา เกี่ยวกับโรคผิวหนัง โรคกระดูกผุหรือบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดมาใหม่ๆ
3. ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนการรักษาหรือหลังการรักษาต้องให้แน่ใจว่าพวกเขามีใบรับรองแพทย์และผ่านการปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางก่อนที่จะได้รับการนวด การรับรู้ของร่างกายยังคงอยู่ในจิตใต้สำนึกของร่างกายของผู้รับบริการนวดถ้าเขารู้สึกว่าตัวเองมีความเครียดในขณะที่ได้รับการนวดอยู่นานร่างกายของเขามือของผู้นวดจะเป็นตัวบอกความเครียดว่าลดลงอยู่ในระดับอะไรหรือลดลงมากน้อยเพียงใด
4. ในกรณีที่นวดท้อง ไม่ควรนวดผู้ที่รับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ไม่เกิน 30 นาที
5. ไม่นวดอย่างรุนแรงหรือนานเกินไป เพราะอาจเกิดการอักเสบ ฟกซ้ำมากขึ้น
6. กรณีผู้สูงอายุโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ต้องระมัดระวังในการนวด
7. การเปิดประตูลมไม่ควรกดนานกว่า 45 วินาที และอย่าใช้แรงกดมากเกินไป เพราะอาจทำให้หลอดเลือดช้ำอักเสบ รวมทั้งเส้นประสาทขาดเลือดไปเลี้ยงนานเกินไป ทำให้เกิดอาการชา
8. ในกรณีที่นวดท้อง ไม่ควรนวดผู้ที่รับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ไม่เกิน 30 นาที
ไม่นวดอย่างรุนแรงหรือนานเกินไป เพราะอาจเกิดการอักเสบ ฟกซ้ำมากขึ้น
9. กรณีผู้สูงอายุโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ต้องระมัดระวังในการนวด
10. การเปิดประตูลมไม่ควรกเนานกว่า 45 วินาที และอย่าใช้แรงกดมากเกินไป เพราะอาจทำให้หลอดเลือดช้ำอักเสบ รวมทั้งเส้นประสาทขาดเลือดไปเลี้ยงนานเกินไป ทำให้เกิดอาการชา
สำหรับคนที่อยากทำงานนวดควรต้องมีการเรียนนวด ผ่านการอบรมจากโรงเรียนสอนนวดที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข